ทนายตั้ม เป็นเหตุบังเอิญ เผยที่มา “ไอ้ตั้มมันร้าย”
ทนายตั้ม เป็นเหตุบังเอิญ เผยที่มา “ไอ้ตั้มมันร้าย”
เจ้าหน้าที่คุมตัว ” ทนายตั้ม -เมีย ” ฝากขังศาลอาญา ทั้งคู่ไม่พูด หรือให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ลุ้นประกันตัวเมีย วันที่ 8 พ.ย. 67 บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของตั้ม ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจากฉะเชิงเทรา เข้ามาสอบสวนที่กองปราบตลอดทั้งคืน
จากการสังเกต พบว่านายษิทรา สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ ส่วนนางปทิตตา ที่อยู่ในชุดเสื้อสีดำ กางเกงสีขาว สวมแมสก์ และแว่นตาดำปิดบังใบหน้า ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรกับผู้สื่อข่าว โดยเมื่อควบคุมตัวออกมา ทนายตั้ม ที่มีสีหน้าเรียบเฉย ได้ยกมือไหว้ผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวอยู่เท่านั้น ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ มุ่งหน้าไปศาลอาญาทันที เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้งสองราย
เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ครูปรีชาเยี่ยมทนายตั้ม เป็นเรื่องบังเอิญ ครูปรีชา กล่าวว่า ทนายตั้ม ตนเดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อมาติดตามคดีที่ตนฟ้องทนายตั้ม และหมวดจรูญ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม สมัยปี 2561 ที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ณ ขณะนั้น เพราะเอกสารที่อยู่ในสำนวนนี้ เป็นเอกสารที่มีรายละเอียดเป็นสัญญาณโทรศัพท์ของตน แต่กลับไปตกอยู่ในมือของทนายตั้ม และหมวดจรูญ
ซึ่งด้วยความที่เป็นเอกสารของตน แต่ตนกลับไปขอจากผู้ให้บริการไม่ได้ เพราะยังไม่มีหมายศาลมา ตนจึงตั้งคำถามว่าเอกสารที่ทนายตั้มและหมวดจรูญได้มานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะข้อมูลที่พวกเขาได้ไปนั้นก็ถือว่าได้เปรียบ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้ความเป็นธรรมในเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงปี 2564 และต่อมาระหว่างทางก็ได้เปลี่ยนกรรมการไปเรื่อย ๆ ย้ายไปบ้าง เกษียณไปบ้าง ส่งสำนวนต่อมาเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
เคยให้คนติดต่อมาว่าจะดูแลคดีให้ แต่เรียกค่าวิชาชีพ 10 กว่าล้านบาท อ้างเป็นคดีใหญ่ ต้องเข้าหาผู้ใหญ่ ทนายตั้ม มีค่าใช้จ่ายประมาณนี้ แต่ตนไม่ตกลงเพราะต้องการสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง วันนี้(8 พ.ย.) นายอัครกิตติ์ วรโรจน์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อดีตสามีของนักแสดงสาว “แพท ณปภา ตันตระกูล” ได้โฟนอินในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 8 กรณี
เคยถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เรียกเงินหลักสิบล้านบาทแลกกับการช่วยเหลือทางคดีในอดีต ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้คุยกับทนายตั้มเป็นการส่วนตัว เพราะตอนนั้นก็สู้คดีอยู่ข้างใน แต่ที่ได้ยินมาก็มีการติดต่อกันว่า จะมาดูแลคดีให้ และอาจจะเรียกค่าวิชาชีพที่ในราคาค่อนข้างสูง ประมาณสิบกว่าล้านบาท แต่ตนไม่ได้คุยกับทนายตั้มโดยตรง เป็นการคุยผ่านบุคคลอื่นมา แต่ตอนนั้น
มีทนายวิ่งมาหาหลายคน แต่ก็ไม่ได้ตกลงที่จะว่าจ้างทนายดังกล่าว
ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว ผู้ร่วมรายการได้ถามว่า ค่าจ้าง 10 ล้านนั้น เขาการันตีเลยหรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ตอบว่า เขา ( ทนายตั้ม ) บอกว่าคดีเป็นคดีค่อนข้างใหญ่ อาจจะต้องมีการไปหาผู้ใหญ่ มีค่าใช้จ่ายประมาณนี้ แต่โดยส่วนตัวตนต้องการสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นเอกสารหมาย จ.ที่นำไปให้เขาดู เขาไม่ได้เลือกดูเลย เขาเลือกที่จะเรียกค่าวิชาชีพมาก่อน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม ผู้ร่วมรายการอีกคน กล่าวเสริมว่า พฤติกรรมหลายคนพูดถึงทนายคนนี้ ชอบอ้างผู้ใหญ่ทุกครั้ง
จากกรณีตำรวจสอบสวนกลางนำกำลังพร้อมหมายศาลสกัดจับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม กับภรรยา คือ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ได้บนถนน 304 ใกล้แยกไฟแดงพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวานนี้ และมองว่าเจ้าตัวมีเจตนาที่จะหลบหนี
เพราะขับรถมุ่งหน้าไปทางชายแดนจังหวัดสระแก้ว
วันนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจเส้นทางตามแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ เพื่อดูว่ามีช่องทางธรรมชาติในการหลบหนีออกนอกประเทศหรือไม่ โดยเราได้พูดคุยกับนายบอล (นามสมมติ) แหล่งข่าวในพื้นที่ ทนายตั้ม ยืนยันว่าตามแนวชายแดนอำเภออรัญประเทศ ใกล้กับด่านพรมแดนอรัญประเทศ ยังคงมีช่องทางธรรมชาติหลายช่องทางในการลักลอบออกไปทางฝั่งกัมพูชา ซึ่งการจะผ่านเข้า หรือ ออก จะมีคนอำนวยความสะดวก หรือ พาไป ขณะที่ชางทางธรรมชาติ ก็มีหลายแบบ แบบของบุคคลทั่วไป , แบบใช้ขนของผิดกฎหมาย , และแบบของบุคคล VIP