บอย ปกรณ์ พา ผสห.แจ้งความ รับรู้สึกผิดมีส่วนทำคนเดือดร้อน
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาคุณ หนุ่ม กรรชัย พร้อมคุณ บอย ปกรณ์ และกัน จอมพลัง พาผู้เสียหาย แจ้งความเอาผิด “ดิไอคอน” ขณะที่คุณบอย ยืนยัน ไม่ได้ทำเพื่อลบล้างความผิด แต่ตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด 9 โมงเช้าวันนี้ นาย ภูดิท กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย พิธีกร-ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง พร้อมกับนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกชื่อดัง พร้อมนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พาผู้เสียหาย 40 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. เอาผิดบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป
หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยว่า วันนี้พาผู้เสียหายเป็นจำนวน มาร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับพา บอย ปกรณ์ มาชี้แจงผ่านสื่อครั้งแรกเพื่อแสดงความจริงใจ หลังออกรายการโหนกระแส โดยผู้เสียหายในวันนี้มีการรวบรวมจากรายการโหนกระแส จากฝั่งของกัน จอมพลัง และจากบอยปกรณ์ด้วย สำหรับกรณีที่มีกระแสว่ากลุ่มของตัวเองนำแม่ข่ายไปฟอกขาวในรายการ ขอแจ้งว่า “คุณจะเอาเศษขนมปังไปตกปลาใหญ่ได้หรือ สิ่งที่ต้องทำคือจะต้องเอาก้อนขนมปังที่เป็นก้อนใหญ่ เช่นแม่ข่ายเพื่อที่จะสาวขึ้นไปถึงตัวบิ๊กบอสได้ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่โหนกระแสหรือใครก็ตามจะเอาแม่ข่ายมาพูด
อย่างไรหากพิสูจน์แล้วว่าผิดกฎหมายก็ต้องติดคุกอยู่ดี
หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บอสพอลได้ออกมาแฉว่ามีขบวนการล้มล้างเครือข่ายของตัวเอง โดยการนำเอาพวกที่มีอิทธิพลต่อสื่อออกมาโจมตี หรือเรียก แร้งว่าทึ้งหมาเน่านั้น เป็นสิ่งที่หลายคนคิดหรือจะพูดก็ได้ แต่มุมของเขาต้องเรียนว่า ถ้าคุณต้องกินหมาเน่าแล้วสังคมมันดีขึ้น คุณจะกินหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเขาจะกิน บอย ปกรณ์
เมื่อนักข่าวถามว่าได้ฟังคลิปเสียงที่ขณะนี้เป็นกระแสว่าบอสพอลกับบุคคลปริศนา ที่สามารถเคลียร์ทุกอย่างให้จบได้โดยใช้เงินแล้วหรือยัง หนุ่ม กรรชัย กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นเสียงของบอสพอลจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าคดีใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย สุดท้ายเห็นว่าเคลียร์แล้วก็ไม่ได้เป็นผลอะไร เพราะว่ากระแสสังคมประชาชนจะเป็นตัวหลัก “เรื่องที่ดีดนิ้วแล้วจบ มึงไม่ใช่ธานอสครับ ทำไม่ได้”
วันนี้ (14 ต.ค.2567) นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์
หรือ บอย ปกรณ์ นักแสดงชื่อดัง เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กรณีเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง ว่า รู้สึกโล่งใจมากขึ้นหลังเข้าให้ปากคำ โดยตัวเองได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงและมีเอกสารยืนยัน ยอมรับว่ารู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้มีผู้เดือดร้อนและเสียหายจำนวนมาก
ส่วนสาเหตุที่ตัวเองใช้เวลานานเพราะได้ขึ้นไปทำหลายอย่าง ทั้งเข้าให้ปากคำ พร้อมกับได้มีการส่งหนังสือสัญญา วิเคราะห์การเมือง ทั้งหนังสือสัญญาจ้างและหนังสือสัญญาที่ตัวเองขอยกเลิกสัญญาจ้างและมีการลงบันทึกประจำวัน พร้อมกับแจ้งความในส่วนคดีของตัวเอง นายปกรณ์ กล่าวว่า ตัวเองได้มีโอกาสดูรายการซึ่งทางนายวรัตน์พล บอย ปกรณ์ วรัทย์วรกุล หรือ พอล ไปร่วมพูดคุยกับผู้เสียหายเพียงเล็กน้อย จึงขอไม่แสดงความคิดเห็น และขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน และในส่วนของนักแสดง ซึ่งเป็นระดับผู้บริหารในเครือไดิอคอนกรุ๊ปทั้ง 3 คน ขณะนี้ตัวเองยังไม่ได้มีการพูดคุยแต่อยาก
